วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การศึกษาการทำสไลด์เพื่อศึกษาเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าท่ีเฉพาะในใบว่านกาบหอย





ครูไวยุ์



     ผลงานนักเรียนการศึกษาการทำสไลด์เพื่อศึกษาเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าท่ีเฉพาะในใบว่านกาบหอย  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8  ปีการศึกษา 2556  โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับว่านกาบหอย


ชื่อพื้นเมือง :  ว่านกาบหอย 

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Tradescantia spathacea Steam

ชื่อวงศ์ : COMMELINACEAE

ชื่อสามัญ :  Oyster Plant

สรุปลักษณะและข้อมูลพันธุ์ไม้ : ไม้ล้มลุก  สูง  0.5–0.15 เมตร  ทรงพุ่มกว้าง  0.20-0.30 เมตร ลำต้นเหนือดินตั้งตรงเองไม่ได้ทอดเลื้อยไปตามพื้น  ผิวลำต้นเรียบ  ข้อปล้องเห็นได้ชัดเจน  ต้นอ่อนมีสีขาว  ต้นแก่มีสีขาวแกมเหลือง  มีน้ำยางใส  ใบเป็นใบเดี่ยว  เรียงรอบวง รูปแถบจนถึงรูปหอก เป็นใบเดี่ยว  สีของใบอ่อนมีสีเขียวอ่อน  ส่วนใบแก่มีสีเขียวเข้ม  ขนาดใบกว้าง 3-5  เซนติเมตร ยาว 20-25 เซนติเมตร มีปลายใบแหลม  รูปร่างโคนใบเป็นรูปตัด  โอบรอบลำต้น รูปร่างขอบใบเรียบ  ลักษณะพิเศษของใบ  แผ่นใบข้างบนสีเขียว  แผ่นใบข้างล่างสีม่วงแดง เส้นใบขนาน เห็นไม่ชัด ไม่มีก้านใบ ดอก ออกช่อตามง่ามใบ มีทั้งช่อเดี่ยวและหลายช่อ แต่ละช่อประกอบด้วยใบประดับที่เป็นกาบ 2 กาบ สีม่วงแซมเขียว รูปหัวใจโค้ง กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 3-4 เซนติเมตร โคนกาบทั้งสองประกบเกยซ้อนและโอบหุ้มดอกสีขาวขนาดเล็กที่อยู่รวมกันเป็นกระจุก ก้านช่อดอกยาว 1-5 เซนติเมตร โคนก้านช่อดอกมีใบประดับ 1 ใบ สีม่วงแซมเขียว รูปไข่กลับ ก้านดอกยาว 1-1.5 เซนติเมตร  โคนก้านดอกมีใบประดับสีม่วงอ่อนเป็นเยื่อบาง รูปไข่ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร กลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีขาว รูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาว 3-6 มิลลิเมตร บางใส กลีบดอก 3 กลีบ สีขาว รูปไข่ กว้าง 4-6 มิลลิเมตร ยาว 5-8 มิลลิเมตร แผ่นกลีบหนา เกสรเพศผู้ 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว รูปเรียว มีขนยาว ส่วนปลายก้านแผ่แบนสีเหลือง  รังไข่ผนังเรียบ ภายในมี 3 ช่อง แต่ละช่องมี ออวุล 1 เม็ดผลเล็ก รูปรี เมล็ดเล็ก

ประโยชน์ :  นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ใช้เป็นยาแผนโบราณ ไทย  ใช้แก้ไอ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และฟกช้ำ  ดอกแก้อาการตกเลือดในลำไส้ แก้บิด และแก้ไอ ในไต้หวันใช้พอกแผล มีดบาด และแก้บวม
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง :  





ผลงานการวิจัย                                                                    
มีรายงานการวิจัยของว่านกาบหอยในฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาว่า สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อไวรัส ต้านเชื้อรา ยับยั้งการอักเสบ ต้านมะเร็ง ได้

วิธีการใช้ตามภูมิปัญญาไทย                               
ว่านกาบหอย" บางท้องถิ่นจะเรียกว่าว่านหอยแครง ว่านกาบหอยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบอเมริกากลาง ปลายใบแหลมแตกออกจากลำต้นติดพื้นดินเป็นวงโดยรอบ ใบด้าน บนสีเขียว ส่วนด้านล่างเป็น สีม่วงแดง ดอกออกจากโคนใบเป็นช่อสีขาว มีใบประดับเป็นกระเปาะสีม่วงแดงหุ้มอยู่ ผลเป็นรูปกระสวย แก้ร้อนใน แก้กระหายน้ำ แก้ไอ อาเจียนเป็นเลือด แก้ฟกช้ำภายใน เนื่องจากพลัดตกจากที่สูง หกล้ม หรือถูกของแข็ง แก้บิดถ่ายเป็นเลือด แก้ปัสสาวะ เป็นเลือด โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาคือใบและดอก โดยใบอาจจะใช้ใบสดหรือใบแห้งก็ได้สำหรับดอกนั้นให้เก็บเมื่อดอกโตเต็มที่ใช้รักษาอาการไออาจจะเป็นไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะปนเลือดเล็กน้อย หรือไอเป็นเลือด แก้อาเจียนเป็นเลือดแก้เลือดกำเดาไหล แก้ปัสสาวะเป็นเลือด แก้บิดที่ถ่ายเป็นเลือดและยังใช้เป็น ยาห้ามเลือดเมื่อมีบาดแผลได้อาการฟกช้ำภาย นอกให้ใช้ใบสดมาล้างให้สะอาด นำไปตำและพอกหรือทาบริเวณที่เป็นรอยฟกช้ำ ทาบ่อย ๆ จนกว่า อาการจะดีขึ้น  ตามตำรับยานั้น ให้ใช้ใบสดของว่านกาบหอย ประมาณ 3-4 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว เติมน้ำตาลกรวด รับประทานเช้าเย็น 1 สัปดาห์ หรือถ้าต้องการรักษาอาการหวัด ไอมีเสมหะปนเลือด เลือดกำเดาออก บิดจากแบคทีเรีย ใช้ช่อดอกแห้ง 20-30 ช่อ ใส่น้ำท่วมยาต้มน้ำกิน

เครื่องดื่มสุขภาพดี น้ำว่านกาบหอย ดับกระหายคลายร้อน
เครื่องเพื่อสุขภาพ สำหรับคนที่รักสุขภาพคงรู้จัก "ว่านกาบหอย" กันดี เพราะว่านกาบหอยมีสรรพคุณ
1. ช่วยให้คุณคลายร้อน แก้ไอ อาเจียนเป็นเลือด แก้ฟกช้ำภายในเนื่องจากพลัดตกจากที่สูงหรือหกล้มฟาด
ถูกของแข็ง แก้บิดถ่ายเป็นเลือด แก้ปัสสาวะเป็นเลือด แถมดอก ยังให้ความชุ่มชื่น ใช้ขับเสมหะ แก้ไอแห้งๆ แก้อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดา ห้ามเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด แกไอเป็นเลือด เห็นสรรพคุณของว่านกาบ
หอยกันแล้ว แบบนี้เราก็ไม่ควรพลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำว่านกาบหอย กันน่ะค่ะ

ส่วนผสม เครื่องดื่มสุขภาพดี น้ำว่านกาบหอย

1. ใบว่านกาบหอย 5 - 15 ใบ
2. น้ำสะอาด 2 - 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 1/3

วิธีทำ เครื่องดื่มสุขภาพดี น้ำว่านกาบหอย
นำใยว่านกาบหอยสด ล้างให้สะอาด แช่ด่างทับทิม 10 -20 นาที หั่นตามขวางให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อน้ำเดือด ต้มให้เดือด 3-7 นาที เติมน้ำตาลทราย พอหวาน กรองกากออก จะได้น้ำว่านกาบหอยสีชมพูอ่อน กรองใส่ขวดนึ่ง 20-30 นาที เย็นแล้วเก็บใส่ตู้เย็น ดื่มได้หลายวัน

สรรพคุณ ใบสด แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ แก้ฟก ช้ำภายใน เนื่องจากพลัดตกหกล้ม ดอกสด ใช้แก้ไอ ไอมีเสมหะ ต้มน้ำดื่มบ่อยๆ ที่

ผลการศึกษา
     การทำสไลด์เพื่อศึกษาเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าท่ีเฉพาะในใบว่านกาบหอย

เนื้อหาสำคัญ


     Guard cell หรือเซลล์คุม เป็นเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปทำหน้าที่เฉพาะที่พบในพืช อยู่บริเวณเนื้อเยื่อผิว (epidermis) ด้านล่างของใบ ส่วนด้านบนผิวของเซลล์ชั้นเอพิเดอร์มิสมีสารพวกขึ้ผึ้ง เรียกว่า คิวทิน ฉาบอยู่ช่วงป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิวใบปากใบพืช ดังนั้นจะพบเซลล์คุมเฉพาะด้านล่างใบเท่านั้น 
   หน้าที่ของเซลล์คุม ควบคุมการแลกเปลี่ยนแก๊สและการระเหยของน้ำจากใบ เมื่อศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ จะเห็นได้ว่าเซลล์คุมมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ประกอบด้วยเซลล์รูปร่างเรียว รี โค้งเข้าหากัน สองเซลล์ประกบกันคล้ายเมล็ดถั่วผ่าซีก เมื่อภาวะเหมาะสม จะเกิดเป็นช่องเปิดตรงกลาง ได้ เรียกว่าปากใบ หรือ Stoma (หรือ รูเปิดของปากใบ - pl. หรือพหูพจน์ จะเรียกว่า stomata) ในขณะที่อากาศร้อนและพืชอยู่ในสภาวะที่มีการสูญเสียน้ำไปมากๆ เซลล์คุมจะปิด เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำออกจากใบ เป็นการพยายามรักษาปริมาณน้ำเอาไว้
     เซลล์คุมมีคลอโรฟีลล์อยู่ด้วย จึงสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้แต่ประสิทธิภาพอาจจะน้อยกว่าคลอโรพลาสต์ในเซลล์ชั้นเอพิเดอร์มีสด้านบนและการสังเคราะห์ด้วยแสงนี้เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการเปิดมิดของปากใบด้วย


การรักษาดุลยภาพน้ำและแร่ธาตุในพืช

     พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยแร่ธาตุและน้ำจากสิ่งแวดล้อม เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์อาหารด้วยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเพียง 1-2% เท่านั้น ส่วนน้ำที่เหลือประมาณ 98-99% จะถูกขับออกจากต้นพืชด้วยการคายน้ำทางใบ เพื่อให้เกิดแรงดึงจากการคายน้ำทำให้สามารถลำเลียงน้ำจากรากพืชไปสู่ส่วนยอดได้ และยังใช้สำหรับรักษาความสมดุลของระบบต่าง ๆ ในต้นพืช

     น้ำส่วนใหญ่ในต้นพืชจะถูกกำจัดออกทางปากใบในรูปของไอน้ำที่ระเหยออกจากปากใบ (stomata) นอกจากนี้บางส่วนอาจสูญเสียออกไปทางผิวใบ ส่วนของลำต้นที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อน ๆ และตามรอยแตกหรือรูเล็ก ๆ ตามลำต้น ในช่วงที่ต้นพืชขาดน้ำ ต้นพืชจะปิดปากใบเพื่อลดการคายน้ำ แต่ยังคงมีการระเหยออกทางผิวใบและรอยแตกตามลำต้น จึงช่วยทำให้ใบและลำต้นพืชไม่ร้อนจัดเกินไป

      การควบคุมการคายน้ำที่ปากใบเกิดขึ้นได้เนื่องจากที่บริเวณรอบปากใบจะมีเซลล์คุม (guard cell) ซึ่งเป็นเซลล์ชั้นนอกสุดของผิวใบ (epidermis layer) พบได้ทั้งด้านบนและด้านล่างของใบ โดยด้านล่างของใบจะมีจำนวนเซลล์คุมมากกว่าด้านบนของใบ ภายในเซลล์คุมจะมีคลอโรพลาสต์ มีลักษณะที่แตกต่างจากเซลล์อื่น ๆ บนผิวใบ คือ เซลล์คุมจะมีลักษณะเป็นเซลล์คู่ โดยผนังด้านในของเซลล์คุมจะหนากว่าผนังเซลล์ด้านนอก



การปิดเปิดของปากใบ



     การเปิดและปิดปากใบเกิดขึ้นเนื่องจากความเต่งของเซลล์คุม โดยเมื่อในต้นพืชมีน้ำอยู่มาก น้ำจากเซลล์ต่าง ๆ รอบเซลล์คุมจะแพร่เข้าสู่เซลล์คุม ทำให้เซลล์คุมเต่งเนื่องจากมีปริมาณน้ำมาก ผนังของเซลล์คุมจึงยืดออกดึงให้ผนังส่วนที่หนางอตัวแยกออกจากกันส่งผลให้ปากใบเปิดออก แต่ในกรณีที่ใบต้นพืชขาดแคลนน้ำ น้ำจากเซลล์คุมจะแพร่ออกสู่เซลล์ต่าง ๆ ที่อยู่รอบเซลล์คุม เซลล์คุมจึงหดตัวไม่สามารถดึงผนังส่วนที่หนาแยกออกจากกันได้ ส่งผลให้ปากใบปิดลง นอกจากนี้ยังพบว่า แสง อุณหภูมิและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเปิดและปิดปากใบด้วยเช่นกัน  ปากใบจึงเปรียบเสมือนประตูควบคุมปริมาณน้ำภายในต้นพืช

ผลงานการทำสไลด์เพื่อดูเซลล์คุม


  







การศึกษาการทำสไลด์เพื่อศึกษาเซลล์ใบว่านกาบหอยภายใต้กล้องจุลทรรศน์




กลุ่ม  หอยม๊ะเหนียวติดหนึบ
1. นายบุริศร์ เจียมวิทยนุกูล เลขที่ 10
2. นายณัฏฐบดินทร์ วงศ์หิรัญเดชา เลขที่ 18
3. นางสาวกันต์กนิษฐ์ ทันตะกาลก้อง เลขที่ 38
4. นางสาวสิรินันท์ บิลแหละ เลขที่ 45
5. นางสาวสิริยุพา แก้วบุญศรี เลขที่ 46




กลุ่ม 
ข้าวหมกไก่
1.นายนิติรัฐ ลัภบุญ เลขที่ 5
2.นายนลธวัช เกียรติสโร เลขที่ 9
3.นายภูริดล ทิพากรเกียรติ เลขที่ 16
4.นางสาวพัสชณนัน ขุนหมุด เลขที่ 25
5.นางสาวจิระดา เหลืองจินดา เลขที่ 43




กลุ่ม กุ๊กกุ๊กกุ๊กไก่
1. นางสาวลำธาร เลิศตระกูล เลขที่ 22
2. นางสาวคัทธมาทน์ ธรรมชาติ เลขที่ 23
3. นางสาวอรจิรา ฉันทจุลสินธุ์ เลขที่ 27
4. นางสาวธัญชนก จิตต์วโรดม เลขที่ 28
5. นางสาวพรรณศิริ ลิ่วชัยชาญ เลขที 50






กลุ่ม ชีวะอืมดิ
1.นายบีซอล หรับจัน เลขที่ 1 
2.นายณัฐวัฒน์ สงสม เลขที่ 17
3.นางสาวณัชชา นกหนู เลขที่ 19
4.นางสาวพิมพ์ชนก เจริญสุข เลขที่ 21
5.นางสาวนัทยา แก้วโกมล เลขที่ 33




กลุ่ม ไรก็ได้
1. นายศรพรหม ทองจันทร์ เลขที่ 4
2. นางสาวเจนจิรา แซ่จุ่ง เลขที่ 39
3. นางสาวณิชชารีย์ อนันตพันธ์ เลขที่ 40
4. นางสาวธัญชนก วิศาล เลขที่ 41
5. นางสาววรรณวิสุทธิ์ วรกุลชัยวัฒน์ เลขที่ 42



กลุ่ม เพราะชีวะคือชีวิต
1.นาย วศะ สุขบูรณ์ เลขที่ 12
2.นางสาว ณิชา ณ พัทลุง เลขที่ 20
3.นางสาว กนกขวัญ ชูบุญลาภ เลขที่ 29
4.นางสาว บรรณสรณ์ ว่องธนวัฒน์ เลขที่ 34
5.นางสาว ฟิรดาวส์ เหมสลาหมาด เลขที่ 48



กลุ่ม รากไม้~

1.นายภานุพงศ์ อภินวถาวรกุล เลขที่ 11 หัวหน้ากลุ่ม
2.นายณัฐวร สุขศาล เลขที่ 7
3.นางสาวชนิกานต์ แสวจันทร์ เลขที่ 31
4.นางสาวณัฐพัทร อภัยรัตน์ เลขที่ 32
5.นางสาวสุประวีณ์ เลิศเศรษฐชัย เลขที่ 37




กลุ่ม ข้าวคลุกกะปิ

1.นายธีร์ธวัช ทองรักษา เลขที่ 8
2.นางสาว จันทร์พิมพ์ บุญรัศมี เลขที่ 30
3.นางสาว ปาณิสรา ไทยเจริญ เลขที่ 36
4.นางสาว ธิษณามดี เพชรกาฬ เลขที่ 47 
5.นางสาว สวรินทร์ จิตมานะ เลขที่ 49




กลุ่ม เที่ยงคืนสิบห้านาที 
1.นายธนกร สุกแก้วณรงค์ เลขที่ 2

2.นายศุภวิชญ์ ปล้องอ่อน เลขที่ 13
3.นางสาวธัญวรัตม์ พรหมวิจิต เลขที่ 24
4.นางสาวสิริยากร มนีนาถฐานิสร์ เลขที่ 26
5.นางสาวปภัสมน แสนสุด เลขที่ 35




กลุ่ม ข้าวมันไก่

1.นายเมธัส จงวิไลเกษม เลขที่ 3
2.นายมารวย ธรรมรัตน์ เลขที่ 6
3.นายกษิดิศ วงศ์จารุสถิตย์ เลขที่ 14
4.นายภัทรชนน รองมาก เลขที่ 15
5.นางสาวศิรินยา ชัยพัฒนการ เลขที่ 44






ผู้สอน  ครูไวยุด๊ะ  เหตุเหล๊าะ  
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย  จังหวัดสงขลา

ข้อมูลอ้างอิง

http://www.drpk.ac.th/botany/055.html